เสียงจากความรู้สึกอันฉับพลัน เชา-ชวรัตน์ หรรษคุณาฒัย

Spread the loveเชา-ช…
1 Min Read 0 317
Spread the love

เชา-ชวรัตน์ หรรษคุณาฒัย มือกีตาร์วง Cocktail เขาประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น อยู่กับตัวตนโดยไม่ถูกอิทธิพลทางการตลาดครอบงำ เขามองโลกดนตรีด้วยความเป็นจริง เฝ้าคอยเข็มนาฬิกาที่หมุนวนจนกระทั่งคนฟังหมุนคลื่นวิทยุมาพบเจอและเปิดหัวใจรับฟัง เชา-ชวรัตน์ หรรษคุณาฒัย ใช้เทคนิคการสร้างสรรค์ดนตรี สร้างเมโลดี้จากกีตาร์แบบฉับพลัน (Improvise) สุ้มเสียงกีตาร์อันลุ่มลึก ชัดเจน เมโลดี้อันงดงามอยู่ในความทรงจำของผู้ฟังหลายคน

ดนตรีและคำสัญญาของพ่อ

ผมโชคดีที่เติบโตในครอบครัวที่มีพื้นฐานที่ดี ทำให้เราไม่ต้องกระเสือกกระสน มีเวลาทดลองสิ่งใหม่ มีเวลาใช้ชีวิต คนเราเกิดมาไม่เท่ากัน เราต้องใช้โอกาสที่มีมากกว่าคนอื่น ครอบครัวผมมีฐานะปานกลาง ชีวิตไม่ร่ำรวยแต่ก็ไม่เคยขาดแคลน มีพ่อคอยดูแลและบอกอยู่เสมอว่า ยุคสมัยก่อนพ่อเป็นเด็กขาดแคลน สิ่งใดที่พ่อขาดแคลน พ่อจะพยายามหาให้ลูก พ่ออยากให้ผมมีความสามารถหลากหลายด้าน มีความสามารถด้านอื่น มากกว่าการเรียน พ่อพยายามพาผมทำกิจกรรมหลายอย่าง แต่สุดท้ายผมก็รักดนตรี ตอนเด็กผมเริ่มเล่นเปียโน เล่นคีย์บอร์ด ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ผมทำได้ดี ผมรู้สึกว่า ตนเองเล่นดนตรีได้ดี สอนเล่นอะไรก็สามารถเล่นได้ ผมมีญาติสนิทชื่อ แวน (อิทธิพร รักการชั่ว) เขาโตกว่าผม 4 ปี ตอนนั้นเขาเล่นกีตาร์และเริ่มตั้งวงดนตรี ผมจึงหัดเล่นกีตาร์ตามพี่ชาย เริ่มจากการหัดเล่นกีตาร์โปร่ง หลังจากนั้น ผมสมัครเรียนกีตาร์คลาสสิกกับสถาบันสยามยามาฮ่า มัธยมศึกษาปีที่ 2 ผมสนใจกีตาร์ไฟฟ้า คุณพ่อของผมสนับสนุนการเล่นดนตรีแต่ก็มีข้อแม้ว่า “สิ่งที่เรียนมาแล้วห้ามเลิก” ผมจึงเล่นคีย์บอร์ด เล่นกีตาร์คลาสสิก เล่นกีตาร์ไฟฟ้า ควบคู่กัน ตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับคุณพ่อ

ผมเรียนดนตรีกีตาร์คลาสสิกจนจบเกรด 5 สอนดนตรีที่สถาบันยามาฮ่าอยู่พักใหญ่ ช่วงที่ผมฝึกเล่นกีตาร์ไฟฟ้า ผมก็ได้เล่นดนตรีกับวงดนตรีของพี่ชาย บทเพลงแรกที่ผมเริ่มฝึกเล่นคือ Smells Like Teen Spirit ของ Nirvana ผมเริ่มฝึกตีคอร์ดกีตาร์เพื่อให้เล่นกับเขาได้ พอเขาฟัง Oasis ผมก็เล่นตาม ส่วนเพลงไทยสากลผมฟังเพลงของ แบล็กเฮด อัลบั้ม “เพียว” ผมแกะทุกเพลงในอัลบั้ม เพลงที่ชอบมากคือ “หมดใจ” เพลงนี้ทำให้ผมศึกษารูปแบบการเล่นบลูส์และกลายเป็นส่วนหนึ่งในสไตล์การเล่นของผมจนถึงปัจจุบัน เพลง “หมดใจ” ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในวิธีการเล่นกีตาร์ของผม

ตอนเรียนมัธยมที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ผมเข้าประกวดแข่งขันวงดนตรี เพื่อนของผมหลายคนฟังเพลงสากล ผมจึงรู้จัก Guns N’ Roses , Metallica, AC/DC รวมถึงเพลงอัลเทอร์เนทีฟ และเป็นช่วงการเริ่มต้นของเบเกอรรี่มิวสิค มีศิลปินอย่างเช่น โยคีเพลย์บอย, POP ซึ่งก่อนหน้านั้น เรารู้จักการเล่นกีตาร์ในทางคอร์ดตรงๆ ไม่มีการใช้โน้ตไมเนอร์ หรือ เมจอร์ 7 เบเกอรี่มีอิทธิพลหลายอย่างในการเล่นดนตรีของผม ยุคนั้นถือว่าใหม่มาก เบเกอรี่ ช่วยขยายการฟังเพลง บอย โกสิยพงษ์ ทำให้ผมเริ่มฟังเพลงลึกขึ้น ช่วยขยายคลังข้อมูลเพลงของผม ช่วงมัธยม ผมจะเล่นกีตาร์ตรงๆ ทื่อๆ แบบร็อก พอฟังเพลงของค่ายเบเกอรี่มิวสิค คอร์ดมีเทนชั่นมากขึ้น มีความหลากหลาย ทำให้สำเนียงการเล่นขยาย

การเริ่มต้นใหม่ของ Cocktail

ตอนผมเรียนชั้นมัธยม ผมทำวงดนตรีชื่อ Cubic เมื่อวง Cocktail ยุคแรกเลิกทำวงดนตรี ผมจึงชวนโอมมาเป็นนักร้องนำ เราทำวงดนตรีเล่นได้เพียง 2 งานก็แยกวง เพราะทิศทางการเล่นตรีของสมาชิกแตกต่างกัน แต่ก่อนจะแยกวง ผมคุยกับ โอม (ปัณฑพล ประสารราชกิจ นักร้องนำ) หลังจากนั้น เราจึงตัดสินใจทำวงดนตรีกันอีกครั้ง โอมชวนมือเบสและมือกีตาร์มาเล่น ผมชวนมือกลองซึ่งเป็นเพื่อนสมัยมัธยมมาเล่น นั่นเป็นจุดเริ่มต้น Cocktail ในอัลบั้ม In the Memory of Summer Romance

ผมเรียนจบจากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน แล้วเรียนต่อมหาวิทยาลัยศิลปากร โลกของผมเปลี่ยน ผมมีชีวิตที่แตกต่าง เริ่มตั้งคำถาม นักศึกษาต้องอยู่กันอย่างนี้จริงเหรอ แต่ผมก็คิดว่า คนเราจะเป็นคนที่สมบูรณ์ได้ต้องเจอเรื่องราวเหลานี้ ชีวิตต้องมีการผจญภัย ทำให้เรารู้รสชาติชีวิต ตัวอย่างเช่น การเดินทางไปต่างจังหวัดเพื่อศึกษาโบราณสถาน ความบันเทิงเดียวที่มีของนักศึกษาโบราณคดีคือการล้อมวงร้องเพลงรอบกองไฟ เราต้องเดินทางเอง นั่งรถบัส นั่งรถไฟ หลังจากนั้นก็โบกรถ เกาะรถผลไม้เพื่อเข้าไปเรียนต่างสถานที่ นอนพักตามโรงเรียนเก่าหรือขออาศัยนอนตามหมู่บ้าน หนาวก็ก่อไฟผิง จิบวอดก้า ผิงกองไฟ สร้างความอบอุ่น เล่นกีตาร์สายเพี้ยน กีตาร์สายขาด ศิลปากรทำให้ผมรู้จักเพลงเพื่อชีวิตเยอะมาก ช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยศิลปากร คณะโบราณคดี ผมฟังเพลงเพื่อชีวิตเยอะมาก ตอนแรกผมคิดว่า เพลงเพื่อชีวิตเป็นดนตรีของคนยุคเก่า เป็นเพลงยุคสมัยของพ่อ ยุคสมัยของลุง ผมฟังเพลงเพื่อชีวิตอย่างจริงจัง ถือเป็นการเปิดโลกดนตรี ผมได้แนวคิดจากดนตรีเพื่อชีวิตเยอะมาก ซึ่งแนวคิดอาจไม่ส่งผลต่อเทคนิคการเล่นกีตาร์ แต่ส่งผลต่อความคิด ความรู้สึก มันทำให้เราลึกซึ้งในเนื้อหาของบทเพลง

ยุคสมัยก่อน ผมเล่นดนตรีโดยไม่สนใจเนื้อร้อง เพลงเป็นอย่างไรก็เล่นไปตามนั้น ไม่เคยตีโจทย์ว่า สิ่งที่นักร้องนำขับร้อง สิ่งที่เขาต้องการสื่อสารคืออะไร สิ่งที่สะท้อนออกมาคืออะไร การตีความเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับนักดนตรี เพราะเสียงกีตาร์เป็นภาษาที่ไม่สามารถรับรู้และเข้าใจได้ในทันที ผู้สื่อสารต้องอาศัยความพยายามหลายเท่าเพื่อให้ผู้รับสารรับรู้ได้ว่า เราต้องการสื่อถึงอะไร บทเพลงบอกถึง ความเศร้า ความเสียใจ มันอยู่ในการเล่นกีตาร์ของเรา แล้วเราจะทำอย่างไรให้รู้สึกได้ถึงความเศร้า ความเสียใจ มันเป็นสิ่งที่ลึกซึ้งซึ่งทำให้การเล่นดนตรีของเรามีความหมาย ผมไม่สามารถอธิบายให้เป็นรูปธรรมได้ว่า เราต้องดีดหรือเล่นกีตาร์อย่างไร หรือต้องใช้เทคนิคแบบไหน ถึงจะส่งผ่านความรู้สึกเศร้า มันเป็นสิ่งที่มือกีตาร์ต้องรู้สึกและถ่ายทอดออกมา

“วัย” ผลงานเบิกทางสู่การเป็นศิลปินค่ายเพลง

Cocktail เริ่มทำอัลบั้ม In the Memory of Summer Romance ตอนผมเรียนมหาวิทยาลัยปี 1 ทำผลงานเสร็จและวางขายตอนเรียนมหาลัยวิทยาลัยปี 4 เมื่อเรียนจบก็คิดจะเลิกทำเพลง แต่ก่อนเลิก พวกเราอยากทำผลงานเพลงอีกหนึ่งเพลง เป็นบทเพลงสุดท้าย นั่นคือเพลง “วัย” เป็นบทเพลงที่ทำให้เราได้เซ็นสัญญาเป็นศิลปินค่าย จีนี่ เรคคอร์ด (Genie Records)

ภายหลังเซ็นสัญญากับค่ายเพลง สิ่งที่ส่งผลต่อการทำงานของ Cocktail คือ การยกระดับมาตรฐานการบันทึกเสียง แต่เดิมเราทำงาน เรียนรู้ด้วยตนเอง อาศัยการทดลอง ลองผิด ลองถูก แต่เมื่อเราทำงานกับค่ายเพลง มีโปรดิวเซอร์ ความละเอียดในงานสตูดิโอกลายเป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้และปรับตัว แต่เดิมเราคิดไลน์การเล่นดนตรีแบบใดก็ได้ เราใส่มันลงไป พยายามถมทับพื้นที่ แต่ทุกอย่างกลับดูแน่น เราพยายามใส่ลงไปให้เยอะโดยไม่คิดว่า จะเหลือพื้นที่ไว้ให้หายใจหรือไม่ ข้อคิดคือ เรายิ่งเล่น ยิ่งเพิ่ม ยิ่งเล็กลง ไม่ใช่ยิ่งใหญ่

สำหรับตัวตนหรือแนวคิดของการทำเพลงของ Cocktail ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ใครจะบังคับให้เราเปลี่ยนไม่ได้ ค่ายเพลงมองว่าพวกเราเป็นคนแปลก ไม่เข้ากับมาตรฐานวงร็อกในยุคสมัยนั้น มีลักษณะไม่เข้าพวก พวกเราดูเป็นคนซีเรียส จริงจัง จุกจิก แต่บางครั้งก็ทำตัวง่ายๆ กับบางเรื่องที่ควรจะเป็นเรื่องยาก เรามักตั้งคำถามอยู่เสมอว่า ทำไมเราแต่งตัวแบบนี้ไม่ได้ ทำไมเรายิ้มไม่ได้ ฯลฯ แต่เรื่องงานเพลง ค่ายเพลงมองว่า เราแตกต่าง เรื่องดนตรี การใช้ไวโอลิน เชลโล่ ไวโอล่า ดนตรีคลาสสิคเป็นเรื่องแปลกในยุคสมัยนั้น แต่เรายืนยันกับค่ายเพลงว่า เราอยากทำงานแบบนี้

ช่วงแรก หลายคนมองว่า Cocktail เป็นวงดนตรีนอกกระแส ผู้บริหารค่ายเพลงบอกเราว่า ทำงานกับ Cocktail  “พี่ไม่เอาเงินแต่พี่เอาความมัน เอาความสนุก” เพราะผู้บริหารค่ายเพลงคิดว่า เราเป็นวงดนตรีที่ไม่น่าจะมีชื่อเสียง แต่เขาชอบผลงาน ชอบความแปลก เราดึงดันการทำงานในแบบของเรามาถึงวันนี้  ใช่! โลกนี้ไม่ต้องการวงดนตรีอย่างวง “บอดี้สแลม” หรือ “บิ๊กแอ๊ด” เป็นวงที่สอง เขาต้องการวงดนตรีที่เป็นแบบของคุณเป็นวงแรก

การเติบโตอันแปลกต่างของ Cocktail

ผลงานของ Cocktail มีพัฒนาการดีขึ้น มีความละเอียดละเมียดละไม นอกจากประสบการณ์ เราใช้งบประมาณมากขึ้น เป็นคำตอบที่ตรงกับความจริงที่สุด ยุคสมัยก่อน เราทำเพลงด้วยตนเองทั้งหมด โอม (ปัณฑพล ประสารราชกิจ นักร้องนำ) เป็นคนแต่งเพลง ผมเรียบเรียงและทำงานดนตรีหลายอย่าง บางครั้งงานก็เยอะมาก เมื่อวงดนตรีเดินทางมาถึงจุดหนึ่งซึ่งเป็นที่ยอมรับ ได้รับความเชื่อถือ คนกล้าที่จะลงทุนกับเรามากขึ้น เรามีเงินมากพอที่จะจ้างคนที่มีความสามารถและคนเก่งมาทำงานกับเรา อัลบั้มล่าสุด เราใช้คนเยอะมาก เพราะเมื่อเราทำงานมาถึงจุดหนึ่ง เราต้องการเปิดโอกาสให้เด็กรุ่นใหม่ ให้คนรุ่นใหม่ช่วยเรียบเรียง ช่วยคิด ช่วยหามุมมองใหม่ ทำให้ดนตรีมีชั้นเชิงที่แตกต่าง เกิดรสชาติใหม่

สมัยก่อน ผมเป็นคนเรียบเรียงดนตรีออร์เคสตรา (Orchestra) เมื่อเรามีทุนมากขึ้น ทำให้เรามีโอกาสร่วมงานกับคนเก่งและมีความถนัดในสายงานั้น งานบางอย่างเราคิดแต่ไม่มีความชำนาญที่จะทำมันออกมา ต้องอาศัยคนเก่งมาช่วยเพื่อให้จินตนาการของเราเป็นจริง ซึ่งบางครั้ง มันอาจเหนือกว่าจินตนาการของเรา สิ่งที่ทำให้คุณภาพผลงานของ Cocktail พัฒนาขึ้นเพราะเราใช้งบประมาณมากขึ้น ใช้คนมากขึ้น ใช้คนที่มีความเชี่ยวชาญจริงๆ มาช่วยเราทำงาน ทำให้ผมมีเวลาโฟกัสเครื่องดนตรีหลักของผมมากขึ้น สมัยก่อนจะบันทึกเสียงกีตาร์ ผมต้องคิดเมโลดี้เปียโน ต้องใช้สมองไปกับงานอีกส่วนหนึ่ง แต่ตอนนี้ผมเล่นกีตาร์ มีเวลาฝึกซ้อม มีเวลาคิดไลน์กีตาร์มากขึ้น

กีตาร์ในความทรงจำของ เชา-ชวรัตน์ หรรษคุณาฒัย

ตั้งแต่สมัยทำวงดนตรีอินดี้จนถึงปัจจุบัน ผมเล่นกีตาร์สไตล์บลูส์ (Blues) ร็อก (Rock) คันทรี่ (Country) บัลลาด (ballad) มีความเป็น Classical ผมผสมผสานและสนใจพวก sound Ambient ซึ่งเป็นดนตรีที่เน้นตัวโน้ต เสียงและบรรยากาศ ผมเรียนกีตาร์ classic ดนตรีจึงมีกลิ่นอายทางดนตรีที่แปลก ส่วนโอมก็ฟังเพลงคลาสสิกเยอะ เมื่อส่วนผสมลงตัว มันก็เกิดความเชื่อมโยงและแตกแขนง โอมมีความเป็น Asian มีความเป็นไทย จีน ญี่ปุ่น เมื่ออิทธิพลทางดนตรีผสมผสาน มันจึงแสดงออกมาในแบบของ Cocktail

สำหรับกีตาร์ ผมไม่ยึดติดกับความเป็นวินเทจ (Vintage) ผมชอบความสมัยใหม่ ผมใช้กีตาร์ Strandberg ผมชอบกีตาร์ Abasi ซึ่งป็นกีต้าร์โมเดลแปลกๆ Gibson ผมก็ชอบ เพราะผมชอบ Zakk Wylde เขาเท่ส์ แต่เมื่อมีโอกาสใช้ Gibson ผมก็พบว่า Gibson เป็นกีตาร์ที่หนักมาก ผมเปลี่ยนมาใช้ Gibson studio ซึ่งมีน้ำหนักเบา ต่อมาก็รู้สึกว่า มันไม่เพียงพอกับการเล่น ผมอยากขยายเทคนิควิธีการเล่น ผมจึงเปลี่ยนมาใช้ Kiesel ปัจจุบันผมใช้ Strandberg และ Aristides เป็นหลัก

ผมคิดไลน์การเล่นกีตาร์ 2 วิธี คือ การใช้ความรู้สึกและการทำการบ้าน การใช้ความรู้สึก คือ ผมจะเปิดเพลงไปเรื่อยๆ อิมโพรไวส์ (Improvise) ประมาณ 100-200 รอบ บันทึกเสียง 40-50 Track แล้วคัดเอางานมา ตัดต่อ ผสมผสาน เรียบเรียง ผมใช้เวลากับการอิมโพรไวส์ ส่วนรูปแบบการทำการบ้าน คือ ผมจะตั้งโจทย์ว่า เพลงนี้ผมอยากใช้เทคนิคใด เล่นสไตล์ไหน ผมพยายาม reference อ้างอิง ค้นคว้า เหมือนเราทำรายงานส่งอาจารย์ แล้วเล่นกีตาร์ตามทิศทาง ตามเทคนิคที่วางไว้ วิธีนี้ผมจะไม่ค่อยแนะนำ ส่วนใหญ่เป็นเพลงที่มีเวลาในการบันทึกเสียงน้อย เพลงทดลอง หรือเพลงที่มี Concept โดยส่วนตัวผมชอบวิธีแรกมากกว่า อย่างเช่น เพลงดึงดัน มาจากการอิมโพรไวส์ (Improvise)

อยู่กับตัวตนโดยไม่ถูกการตลาดครอบงำ

ไม่มีใครรับประกันได้หรือมีสูตรสำเร็จ สิ่งที่ผมบอกเป็นเพียงแนวทาง เราไม่มีทางรู้ว่าผลงานเพลงของเราจะได้รับความนิยมหรือไม่ ไม่มีทางรู้เลย ถ้าใครสามารถทำแบบนั้นได้ เขาคงรวยแล้ว ฉะนั้น อย่ากังวลกับเรื่องนั้น ทำงานในรูปแบบที่เราชอบ ค้นหาตนเองให้พบ แม้ผลงานของเราจะไม่ได้รับความนิยมแต่ก็เป็นผลงานที่เราชอบ ผมบอกน้องๆ หลายคน เวลาทำเพลงอย่าเพิ่งคิดว่าเพลงจะได้รับความนิยมหรือไม่ ทำในสิ่งที่ตนเองชอบ ทำแล้วภูมิใจ เป็นอันดับแรกก่อน ถ้าผลงานเป็นที่นิยมก็ถือว่าโชคดี

สำหรับคำถามว่า ทำไมเราอยู่ได้ด้วยตัวตนโดยไม่ถูกอิทธิพลทางการตลาดครอบงำ คำตอบคือ ถ้าเราเป็นตัวเองแล้วคนอื่นไม่ชอบ ไม่ได้หมายความว่าเราผิด แต่ช่วงเวลายังหมุนไม่ลงตัว ลองนึกถึงเวลาที่เราเปิดตู้เซฟ มันอาจจะหมุนไม่คลิกกัน มันยังไม่ถึงเวลาของมัน อาจจะใช้เวลานานถึง 5 – 6 ปี ถึงจะหมุนมาเจอกัน เราไม่มีทางรู้ นับตั้งแต่วันแรกที่พวกเราทำเพลง ผมไม่ได้ทำอะไรเปลี่ยนแปลงจากเดิม เพลงยังคงเป็นสไตล์เพลงที่เราชอบ หรือถ้าจะเปลี่ยนก็เป็นเพราะเราอยากเปลี่ยน ตั้งแต่เริ่มทำวงดนตรีอินดี้ กระทั่งเซ็นสัญญากับค่ายเพลง ตอนนั้นเข็มของเรากับคนฟังอาจไม่ตรงกัน วงดนตรีจึงยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร แต่เมื่อเราทำไปเรื่อยๆ เมื่อคนฟังเขาหมุนมาเจอเรา ช่วงเวลาที่คนฟังเริ่มเปิดใจรับฟังเรา มันขึ้นอยู่กับเราแล้วว่า เราจะสามารถตีเหล็กตอนร้อนได้หรือไม่ ก็ถือเป็นโชคดีที่เพลงต่อมาประสบความสำเร็จ ทำให้ Cocktail ถูกฝังไว้ในใจของผู้ฟัง

สำหรับงานโปรดิวซ์ ส่วนใหญ่เป็นสไตล์ร็อก ถ้าเป็นวงดนตรีรุ่นใหม่ ตอนนี้ก็มี Hard Boy ก่อนหน้านั้นก็มี 20Hz , Commander ศิลปินยุคสมัยใหม่ต้องมีความสามารถในการโปรดิวซ์งานของตนเอง มีความสามารถในการแต่งเพลง การเรียบเรียงเพลง สิ่งสำคัญที่สุดคือศิลปินต้องรู้ว่า เขาต้องการอะไร เขาอาจมีความสามารถ แต่ยังไม่สามารถนำศักยภาพของตนเองออกมาใช้ได้เต็มร้อย เป็นหน้าที่ของโปรดิวเซอร์ ทำอย่างไรให้ผลงานเต็มศักยภาพ ศิลปินมีบางอย่างอยู่ในตัวตน ไม่อย่างนั้นค่ายเพลงคงไม่เซ็นสัญญากับเขา ผมไม่มีหน้าที่คิดงานให้กับเขา หน้าที่ของผมคือทำให้เขาเป็นตนเอง ใน Version ที่ดีที่สุด

ผมชอบทำงานกับศิลปินที่เข้าใจความต้องการของตนเอง ผมบริหารจัดการงานของศิลปิน โดยลำดับความสำคัญให้กับเขา การดึงเอาจุดเด่นของศิลปินออกมาเป็นสิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรก หรือถ้าหากศิลปินอยากได้ผลงานแบบนี้ เขาควรจะทำอย่างไรหรือหาใครมาช่วยเขาทำงาน อยากได้สำเนียงการเล่นกีตาร์แบบนี้ ควรใช้มือกีตาร์คนใดบันทึกเสียง เราใช้ประสบการณ์จัดหาให้กับศิลปิน เพื่อให้ผลงานเป็นไปในแบบที่เขาต้องการ ศิลปินชอบแบบไหนเราต้องให้เขาเป็นแบบนั้น

ความจริงอันโหดร้ายของการอยู่ร่วมกันในวงดนตรีคือ เราต้องจัดสรรผลประโยขน์ให้ลงตัว วงดนตรีส่วนใหญ่แตกแยกเพราะขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ ถ้าเราจัดสรรผลประโยชน์ลงตัวก็สามารถรับประกันได้ในระดับหนึ่งว่า วงดนตรีจะไม่แตก นั่นคือการอธิบายให้เห็นเป็นรูปธรรม ส่วนนามธรรม การรักษาน้ำใจ บริหารความรู้สึกของสมาชิกวงดนตรีก็เป็นสิ่งสำคัญ ถ้าสมาชิกในวงเป็นเพื่อนกันมาก่อน หรือสนิทสนมกันมาก่อน นอกเหนือจากการเล่นดนตรี ผลประโยชน์ก็มีส่วนทำให้วงดนตรีเหนียวแน่นขึ้น ผมกับโอมเป็นเพื่อนกันมานาน คบกันตั้งแต่อายุ 17-18 ปี Cocktail จึงอยู่ได้ด้วยความเป็นเพื่อน อีกส่วนหนึ่งคือ เรายอมรับและตกลงผลประโยชน์กันอย่างชัดเจนตั้งแต่แรก


Spread the love

Songwut

เกิดและเติบโตที่ทุ่งลอ จังหวัดพะเยา เรียนจบนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยรามคำแหง ทำงานเป็นผู้สื่อข่าว พะเยารัฐ พลเมืองเหนือ ฐานเศรษฐกิจ สอบบรรจุรับราชการ ปัจจุบัน ยศร้อยตำรวจเอก หลังเรียนจบปริญญาโทนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ใช้เวลาว่างเขียนหนังสือส่งประกวดจึงได้รับรางวัลเป็นทุนสร้างเว็บไซต์ ตามความฝัน